หัวซ้าย
นกน้อยทำรังแต่พอตัว   ไม่อยากจนจงอย่าเป็นหนี้  ( อย่าคิดมีบัตรเครดิต ถ้ายังไม่พร้อม  จะเจอดอกเบี้ยมหาโหด )
กลับหน้าแรก   ขอคำปรึกษาเป็นการส่วนตัว โดยตรงกับนักกฏหมาย
เมนต์หลัก
หัวซ้าย
นกน้อยทำรังแต่พอตัว   ไม่อยากจนจงอย่าเป็นหนี้  ( อย่าคิดมีบัตรเครดิต ถ้ายังไม่พร้อม  จะเจอดอกเบี้ยมหาโหด )
Language
สมาชิก VIP Login ที่นี่ค่ะ
User login
user
pwd

เพิ่มเพื่อน
รับข่าวสาร
มาเป็นเพื่อนเรามีแต่ได้

วิทยุปลดหนี้

maps.google.com
 
พันธมิตร & ผู้สนับสนุน

อุปกรณ์นักสืบ
(ขาย-ให้เช่า)
เจ้ากรรมนายเวร
เจ้ากรรมนายเวร
เวรกรรมแก้ไม่ได้
แต่หยุดเวรกรรมได้
คน10จำพวกคบไม่ได้
ID: 0863222544
 
Welcome To  S Detective & lawyer Online
เปิดเผยความจริง  เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
 

อ.สุรพล กระแจะจันทร์(นิติศาสตร์ มสธ.)
แนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จัก

S detective & lawyer ตั้งเมื่อปี พ.ศ ๒๕๔๑   ช่วงนั้นประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่

ประวัติ


ผู้ก่อตั้ง สิบตำรวจเอก สุรพลกระแจะจันทร์   จบการศึกษา
  - โรงเรียนตำรวจ
  - โรงเรียนตำรวจตะเวนชาแดน (กก.ฝ.๔)
  - โรงเรียนนายสิบสืบสวน
  - นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช

ประสบการณ์

  อาสาสมัครต่อต้านอาญญกรรม สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ปี ๒๕๑๕
  เริ่มรับราชตำรวจ ปี พ.ศ. ๒๕๒๑   สังกัดกองบังคับการตำรวจป่าไม้ ถึงปี พ.ศ.๒๕๓๖
  เป็นที่ปรึกษากฎหมาย เอส เอส วูด ไดนามิค
 ผู้จัดการบริษัท ไทยนิยม จำกัด สาขาคลองตัน ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ - ๒๕๔๑
 ฝ่ายสินเชื่อโรงงานน้ำตาลราชสีมา ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๔๒

ปัจจุบัน

 ผู้จัดการสำนัก เอส นักสืบ และนักกฎหมาย
  ที่ปรึกษากฎหมายประจำตัว ส.ส.สุชาติ ภิญโญ ( สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต ๖ นครราชสีมา)
     -  ท่านพรทิพย์ แสงทองสุข   ( สมาชิกสภาจังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง )
     -  ท่านสุชาติ ภิญโญ             ( สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต ๕ นครราชสีมา)
     -  
และสมาชิก VIP ของ        ( S detective & lawyer )

  ทีมงาน
     นายสุรพล   กระแจะจันทร์          กฎหมาย และสืบสวน
     นายสิทธิศักดิ์   แก้วสิงห์              คดี
     นายปองพล ประทุมวงค์               คดี

ความเป็นมา

 จากการที่คุณปูรับราชการรถไฟ คุณพ่อรับราชการตำรวจ และประสบการณ์ที่เริ่มเป็นสายสืบ
ตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี จนเข้ารับราชการตำรวจ เรียนจบกฎหมาย เป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน ฝ่ายสิน
เชื่อ ที่ปรึกษานักการเมือง   ทำให้พบเห็นเหตุการณ์มากมาย เห็นการอารัดเอาเปรียบในวงราชการ
ในวงการธุรกิจ ในแวดวงการเมือง  เห็นผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหงจนมีคำพูดที่ติดปากว่า " คนจน
ก็ยิ่งจน คนรวยก็ยิ่งรวย "

  สิ่งสำคัญที่เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาคนจน คนตกงานมีมาก ชาวไร่ชาวนาขายผล
ผลิตไม่ได้ราคา   เกิดจากวิฤตเศรษฐกิจ ๒๕๔๑   ที่เหล่าบรรดานายทุนทั้งหลายต่างยอมเป็น
เบี้ยล่างนักกฎหมายเมืองนักธุรกิจต่างชาติ   จนมีการออกกฎหมายมาเพื่อจะช่วยพยุงสถานะบ้าน
เมืองขณะนั้น  แต่กฎหมายที่ออกมากลับเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนทำงาน คนค้าขาย ชาวไร่ชาวนา
กลับเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวและไม่มีโอกาสตั้งตัว   บางคนถึงกับสิ้นเนื้อบรรดาตัว บางคนต้องตกงาน
บางคนถึงกับบ้านแตก บางคนฆ่าตัวตายทิ้งภาระให้เด็กตาดำๆ ที่ไม่รู้เรื่องต้องเผชิญโชคตารับกรรม
เป็นปัญกาสังคม บางคนหันไปกระทำผิกกฎหมายค้ายาบ้า ค้าประเวณี ค้าของผิดกฎหมาย   แต่มีคน
อยู่กลุ่มหนึ่งกลับได้ผลประโยชน์จากวิฤตเศรษฐกิจ เช่น พวกนักการเมือง นายธนาคารที่หนีไปแล้ว
ข้าราชการที่ร่วมคอรับชั่นกับเอกชน   ทั้งที่รู้ว่าร่วมกันทำให้บ้านเมืองเกิดวิฤตแต่ไม่มีใครสามารถ
ที่จะเอากฎหมายไปลงโทษพวกนี้ได้   และพวกนี้ก็อยู่สุขสบายใช้เงินบนกองทุกข์ของชาวบ้านตาดำๆ

 จากผลของกฎหมายที่ออกมาในช่วงวิกฤติ ทำให้เกิดช่องว่างกฎหมาย มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมาปัจจุบัน
เรียกันว่า " บัตรเครดิต  สินเชื่อส่วนบุคคล "   เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ธุรกิจประเภทนี้เป็นการให้เครดิต
สินเชื่อกับบุคคลทั่วไป โดยจ่ายเงินให้ก่อนแต่ผ่อนใช้หนี้ที่หลัง   โดยยึดหลักจากผู้ที่มีเงินเดือน
ประจำ หรือมีธุรกิจส่วนตัว    แต่ผู้ใช้บัตรเครดิตจะไม่รู้เลยว่า ตัวเองต้องเสียดอกเบี้ย เสียค่าธรรม
เนียม และค่าอื่นๆ (แบบมหาโหด) มารู้อีกที่ก็ใช้บัตรรูดจนเพลินแต่ต้องมาใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ตกลง
ไว้ด้วยอีกเท่าตัว เพราะเวลาส่งเงินใช้ไปทุกเดือนก็จะถูกหักดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายๆ ก่อลเหลือเงิน
เท่าไรก็จะเอามาใช้ต้นเงิน ผู้แบบชาวบ้านๆ " โกงกันหน้าด้านๆ " จนผู้ใช้บัตรหลายคนต้องกลับ
มาเป้นลูกหนี้ที่ไม่มีโอกาสที่จะใช้หนี้ที่เป้นเงินของตัวเองได้หมด ภาษานักกฎหมายเรียกว่า
" งูกินหาง "   เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศอเมริกามาแล้วในยุกอุสาหกรรมใหม่

  จากธุรกิจบัตรเครดิตที่ทำลายมนุษย์เงินเดือน   ก็จะมีธุรกิจต่อเนื่องตามอีกรูปแบบหนึ่งคือ
" รับจ้างทวงหนี้ "  โดยทั่วไปแล้วการรับทวงหนี้ตามกฎหมายก็จะเป็นสำนักงานกฎหมายทั่วไป
โดยยื่นฟ้องคดีต่อศาล แต่การทวงหนี้ของพวกสำนักกฎหมายเหล่านี้จะใช้ช่องว่ากฎหมายใน
การทวงหนี้เช่น
  - กฎหมายบอกว่า เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ เจ้าหนี้ต้องบอกกล่าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ หากลูกหนี้
ไม่ชำระเจ้าหนี้ต้องฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระตามมูลหนี้
  - แต่พวกนี้กับเสนอแนะเจ้าหนี้ให้ทวงหนี้อย่างเดียวแต่ยังไม่ต้องบอกกล่าวให้ชำระหนี้ เพื่อหา
ทางเลี่ยงกฎหมาย

     เมื่อพวกนี้แนะนำวิธีเหล่านี้ให้เจ้าหนี้ๆ ก็หัวใส่มากขึ้น   โดยจ้างให้พวกทวงหนี้ใช้วิธีนี้และ
ให้ไปทวงหนี้โดยไม่มีค่าดำเนินการใดๆ " ไม่ออกค่าใช้จ่าย "  ทวงหนี้ได้เท่าใดก็แบ่งให้ตามส่วน
ถ้าทวงไม่ได้ภายในเวลาที่เจ้าหนี้กำหนดก็จะไม่ได้อะไร  เจ้าหนี้ก็จะไปหาสำนักกฎหมายอื่นๆ ให้
มาดำเนินการต่อตามแบบเดิมๆนี้   พูดง่ายๆ " เจ้าหนี้ไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักบาท แถมมีคนมาอาสา
รับทวงหนี้ให้ก่อน ( เสือนอนกิน ) "   จนทุกวันนี้จะมีการทวงหนี้เป็นรู้แบบบริษัทรับจ้าง บริษัทสำนัก
กฎหมายต่างๆ หรือสำนักกฎหมาย  และนักกฎหมายหรือทนายความหลายคนต่างหันมายึดแนวทาง
ทวงหนี้แบบนี้กันเป็นแถว  โดยเฉพาะที่บริษัท และบริษัทรักษาความปลอดภัย ที่ตรวจทางทะเบียน
พาณิชย์จะพวกว่ามีบรรดาลูกเมีย ลูกหลาน เมียน้อย ของข้าราชการตำรวจทหารมีชื่ออยู่ด้วย หรือ
ตัวข้าราชการก็จะเป็นที่ปรึกษาให้ ( เพื่อเลี่ยงกฎหมายและกฎระเบียบข้าราชการ )

   ส่วนการทวงหนี้ของพวกนี้จะเป็นลักษณะที่ดุดัน โหดเหี้ยม ทั้งข่มขู่ ทั้งด่า ทั้งดูถูก บางที่ใช้วิธี
ตามไปทวงถึงที่ทำงานให้ลูกหนี้อับอาย   จนผู้ที่เป็นหนี้บัตรต่างนอนผวากลัวโดนยึดบ้าน อายึดเงิน
เดือนกันทุกคน ไม่ได้เป็นอันกินอันนอน

   อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจะต้องไปช่วยลูกหนี้ ก็เมื่อตัวเองหลวมตัวอยากเป็นคนยุคใหม่
ใช้บัตรเครดิต  เมื่อใช้รุดจนเพลินก็ถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ก็ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว  ซึ่งเจตนารมย์
ของกฎหมายก็ไม่อยากให้ลูกหนี้โกงเจ้าหนี้ พูดตามนักกหมายทั่วๆไปเรียกว่า " เป็นหนี้ก็ต้องใช้
ตามกฎหมาย "

       แต่เท่าที่เห็นวิธีการให้สินเชื่อบัตร การตามทวงหนี้ของพวกรับจ้างทวงหนี้ เห็นแล้วไม่ค่อยถูก
ต้องตามหลักการของกฎหมาย เป็นการเอากฎหมายมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ตามเจตนารมย์ที่แท้
จริงของกฎหมาย " พูดง่ายๆ ทำผิดกฎหมายนั่นเอง "   แต่การที่พวกนี้ทำผิดกฎหมายถ้าไม่ทำให้คน
อื่นเดือดร้อนเราก็คงไม่เข้ามาช่วย แต่นี้ทำให้ลูกหนี้หลายๆ คนเดือดร้อน รวมถึงคนที่อยู่รอบๆ ตัว
ต้องได้รับความเดือดร้อนไปด้วย " เราทนเห็นคนที่มีความรู้กฎหมายทั้งหลายมาตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อ
ทวงหนี้ทวงหนี้ หากินบนความทุกยากของชาวบ้าน "

 ยังมีอีกหลายคนในสังคมที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนอื่น ที่ตัวเองไว้วางใจ เช่น ถูกนายจ้าง
เอาเปรียบ   พี่น้องโกงที่ดิน   สิทธิเมียน้อย   สิทธิเมียหลาง  สิทธิดูแลบุตร  สิทธิในที่ดิน  สิทธิใน
ที่อยู่อาศัย   สิทธิในที่ทำกิน  สิทธิในการรับบริการจากรัฐ   สิทธิจะไม่ถูกใครโกง  สิทธิที่จะไม่จ่าย
เงินให้กับเจ้าหนี้ไม่หนี้ไม่ถูกต้อง   และสิทธิอื่นที่กฎหมายให้ความคุ้มครองไว้แต่ถูกคนอื่นกรีดกัน
เอาเปรียบ

  เมื่อมีคนได้รับความเดือดร้อนจากพฤติกรรมและความไม่เป็นธรรมของกลุ่มบุคคลที่หาผล
ประโยชน์จากความทุกข์ของผู้อื่น   เราในฐานะอดีตข้าราชการและนักกฎหมาย เมื่อพบเห็นพวก
ชอบโกง ชอบเอารัดเอาเปรียบ ชอบเห็นแก่ได้จนลืมว่าตัวเองก็ยืนอยู่บนกองทุกข์ของคนหลายๆ
คน    เราจึงต้องหาทางใช้กฎหมายช่วยผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก   ใช้ให้พวกเขาเหล่านี้ได้มีโอกาส
ลืมตาอ้าปาก ลุกขึ้มมาต่อสู้กับพวกเจ้าหนี้และพวกทวงหนี้ หรือทนายที่เห็นแก่ได้โดยไม่สำนึกถึง
วิชาชีพที่ตั้งเองได้ถูกอบรมสั่งสอนมา

   วิธีกาที่ดีที่สุดอันดับแรกคือการให้ทุกคนได้รู้ข้อเท็จจริงของกฎหมาย   เราจึงได้เขียนเว็บไซย์
S Detective & Lawyer ขึ้นด้วยตัวเอง  และเป็นเว็บไซย์ที่ให้ความรู้กฎหมายกับทุกคนที่ประสบ
ปัญหาทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดๆ ( ครอบครัว หนี้สิน แรงงาน ทรัพย์สิน สิทธิเสรีภาพ
และอื่นๆ )
ให้ได้รู้และหาทางแก้ไขได้ด้วยตัวเองก่อน    หากจำเป็นที่จะต้องดำเนินการใดๆ ทาง
กระบวนการทางกฎหมายหรือกระบวนการในศาล เราจะแนะนำหรือดำเนินการให้ตามที่เห็นสม
ควรและจำเป็น

" เราจะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เพื่อให้ทุกคนอยู่รอดได้ในสังคม "  นี่คือปณิธานของเราผู้ซึ่ง
ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า " เปนผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ "   เมื่อเราเป็นนักกฎหมายไม่สามารถที่จะจับ
ตัวพวกจอมโกงเหล่านี้มาลงโทษได้  และเราจะลงโทษพวกนี้โดยให้ผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบทุกคน
ได้รู้กฎหมายเพื่อเอาไว้ลงโทษพวกคนเลวๆ ในสังคม

  นี่คือตัวเราและความเป็นมาที่ทำให้เราต้องทำเว็บไซย์ด้วยตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น  เราไม่มีเจตนา
หรือมีอคติกับผู้หนึ่งผู้ใดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ทนายความ สำนักกฎหมายอื่น หรือข้าราชการ
หรือนักกฎหมาเมืองระดับไหน   เราต้องการเพียงให้ทุกคนในสังคมได้รับความเป็นธรรมจาก
กฎหมายเท่านั้น

   เราไม่ได้เป็นหนี้ใคร ไม่มีบัตรเครดิต ไม่ขอสินเชื่อ เราอยู่อย่างพอเพรียง ไม่เดือดร้อนไม่เป็น
หนี้ใคร และไม่มีใครมาทวงหนี้  เราจึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนหาเงิน ไม่จำเป็นต้องออกไปหา
คดี ไม่จำเป็นต้องยุให้ค้าความ ไม่ต้องคอยรับใช้นายทุน   "นักการเมืองยังเรียกเราว่าพี่ ให้เกียรติ
ยิ่งกว่าเทวดา "  แล้วทำไม่เราจะดิ้นรนไปหาอะไร 

สิ่งที่มอบให้ท่าน

ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา.

  เป็นคำเตือนสำหรับคนที่ทนงตัว ไม่ระวังและเตรียมตัวเอาไว้ ภัยมาถึงเมื่อไรจะเสียแต่น้ำตา
โดยเฉพระ ผู้ที่กู้เงินธนาคาร บัตรเครเคดิ    ขอให้ท่านเสียเวลาอ่านเนื้อหาทั้งหมด จะทำให้เข้าใจ
ได้ว่ามีอะไรดีๆ    สามารถจะเอาไปเป็นประโยชน์ได้ ไม่ว่าทางด้านดีป้องกันตัว   หรือหลบเลี่ยง
กฎหมาย   หรือเอากฎหมายไปใช้เพื่อไม่ต้องรับผิดติดคุก หรือไม่ต้องใช้หนี้

...ก่อนที่จะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสว่าทำอย่างไร..

  ท่านต้องรู้ก่อนว่า ปัญหาที่ทำให้เกิดวิกฤติในตัวท่านเกิดจากอะไร  เกิดได้อย่างไร  จะป้องกัน
มิให้เกิดได้อย่างไร   ถ้าป้องกันไม่ได้จะเปลี่ยนวิกฤตินั้นให้เป็นโอกาสได้อย่างไร

คนดี .&. คนไม่ดี

คนทุกคนต้องเคยเป็นทั้งคนดีและคนไม่ได้มาแล้วด้วยกันทั้งนั้น  ทุกๆ คนจึงต้องทำในสิ่งที่ดี
และสิ่งที่ไม่ดีมาแล้ว  คงไม่มีใครปฏิเสธ

เช่นนั้นทุกคนต้องรู้แล้วว่า  ที่กฎหมายมีบทกำหนดห้าม หรือให้กระทำได้นั้น ก็เพื่อป้องกันคนดีๆ
ไม่ให้ถูกคนไม่ดีเอารัดเอาเปรียบ

แต่ถึงอย่างไร   ไม่มีกฎหมายประเทศใดที่จะเขียนกฎหมายออกมารัดกุมทั้งหมด  กฎหมายย่อม
เปิดโอกาสให้คนเข้าต่อสู้ได้ถ้าตัวเองไม่มีความผิด หรือแม้จะมีความผิดก็ตาม  จึงทำให้เกิดช่องว่าง
ของกฎหมาย

มีผู้ที่อยากจะรู้ช่องว่างนี้อย่างกันมาก   ช่องว่างของกฎหมายถ้าเอาไปใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ก็จะทำ
ให้ตัวเองได้รับประโยชน์อย่างมากมาย

ดังนั้นทุกคนจึงพยามที่จะรู้ช่องของกฎหมายที่ว่านั้น แม้พยามที่เรียนกฎหมายก็ยังไม่รู้เลยว่า
กฏหมายที่ทุกชาติทุกประเทศเขียนขึ้นจะมีช่องว่าให้เห็นได้ที่ไหน และจะเอาไปใช้อย่างไร

จากประสบการณ์ในการทำงาน  ทบทวนตัวบทกฎหมายอยู่ตลอด  คำตัดสินของศาล  สถานการณ์
ที่เกิดในเรื่องนั้น .. ทำให้รู้และใช้ในสิ่งที่เรียกว่า " กฎหมายเป็นคุณแก่ผู้ใช้ "

การจะเอากฎหมายมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ใครนั้น .." เป็นศาสตร์ และศิลป์" .. อย่างหนึ่ง
ไม่ใช่ใครๆจะทำได้ทุกคน .. นักกฎหมายที่เก่งๆ เก๋าๆจะเรียกศาสตร์และศิลป์นี้ว่า " เทคนิค "
เรียกง่ายๆ ว่า " ฆ่าคนตาย กฎหมายเอาผิดไม่ได้ " ตามหลักที่ว่า " ถ้ามีเหตุสงสัย ให้ศาลยกประโชน์
แห่งความสงสัยให้จำเลย
"

Page: 1 2 >>>

 
 
 

ขณะนี้มีคน online อยู่ 167 ท่าน