ปรับโครงสร้างหนี้,ประนีประนอมยอมความ,ประนอมหนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๕๐ อันว่าประนีประนอมยอมความนั้น คือ สัญญาซึ่งผู้เป้นคุ่สัญญาทั้งสองฝ่าย
ระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่ง ซึ่งมีอยู่หรือจะมีข้อนั้นให้เสร็จไปด้วยตามยอมผ่อนผันให้แก่กัน
มาตรา ๘๕๑ อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นถ้ามีได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่าง
ใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป้นสำคัญ
ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา ๘๔๒ ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละ
ฝ่ายได้ ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็น
ของตน
มีหลายท่านถามว่า "ปรับโครงสร้างหนี้ หรือประนีประนอมยอมความ ต่างกันอย่างใด" ทำไม่
เจ้าหนี้จึงได้เปรียบ ไม่ยอมลดหนี้ให้เลย เมื่อลูกหนี้ไม่มีเงินชำระเจ้าหนี้จะบอกว่า "เสนอ
ทางช่วยเหลือโดยการให้ปรับโครงสร้างหนี้ ให้ผ่อนชำระขั้นต่ำโดยไม่คิดดอกเบี้ย และเวลา
ไปศาลด้วยตัวเองเพื่อที่จะขอไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ ทนายเจ้าหนี้มักจะให้เราผ่อนชำระเดือน
ละ ๑,๐๐๐ บาท ได้หนึ่งหรือสองปี(หนี้ตามฟ้องตั้ง ๕๐,๐๐๐ บาทได้) พอขาดผ่อนชำระแค่วัน
เดียวถูกเจ้าหนี้อายัดเงินเดือนหรือยึดทรัพย์โดยไม่ฟังเสียงของลูกหนี้เลย แม้จะผ่อนต่อไป
อีก" ทำให้ลูกหนี้เสียเปรียบเหมือนถูกหลอก หลายคนจึงถามว่าการไปปรับโครงสร้างหนี้
หรือทำประีนีประนอมในศาล จะมีผลแต่กันอย่างใดทางกฎหมาย ทั้งที่รูอยู่แล้วว่าลูกหนี้ไม่มี
ทางจะใช้หนี้ได้
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับหลายท่านแสดงความสามารถอวดเก่งรู้กฎหมาย
ไปตกหลุมพรางเจ้าหนี้ทั้งในศาลและนอกศาลโดยไม่คิดให้รอบครอบ มองแค่เรื่องใกล้ตัว
ไม่มองให้ไกลๆ ไม่คิดหาทางแก้ไขปัญหาหนี้ระยะยาว "แค่ปัดสวะให้พ้นหน้าบ้านไปก่อน"
ในที่สุดก็ถูกเจ้าหนี้อายัดเงินเดือนหรือยึดทรัพย์จนหมดตัว "สมน้ำหน้า เสียน้อยเสียยาก
เสียมากเสียง่าย อวดเก่งรู้กฎหมายทั้งที่ไม่ได้เรียนจบกฎหมายเลย" บ้างท่านพออ่านในเว็บ
กฎหมายต่างๆ หรือได้รับคำแนะนำจากเว็บที่มีกระดานให้กำลังใจลูกหนี้ แสดงความคิดเห็น
ว่าตัวเองไปศาล
ต่อรองกับเจ้าหนี้ได้ขอผ่อนชำระเดือนละ ๑,๐๐๐ บาทตั้งสองปี เจ้าหนี้ยัง
ยอมให้ผ่อนเลย ในที่สุดพอถูกอายัดเงินเดือนก็ไม่พ้นเขียนมาถามและโทรมาถามให้ช่วย
หาทางแก้ไขให้ มิฉะนั้นต้องถูกยึดทรัพย์หรืออายัดเงินจนหมดตัว
เตือนลูกหนี้หลายท่านแล้วเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ หรือการประนีประนอมยอมความ
ทั้งในศาลและนอกศาล มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
- ในคดีอาญา อาจไม่ต้องติดคุก หรืออาจทำให้ติดคุกเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาศาล
- ในคดีแพ่ง อาจไม่ถูกยึดทรัพย์หรืออายึดเงินเดือน หรือถูกยึดทรัพย์และอายัดเงินเดือน
เร็วขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นการไม่จะปรับหรือไม่ปรับโครงสร้างหนี้หรือประนีประนอมยอมความ จึงมีทั้งข้อดี
และข้อเสีย ขึ้นอยู่กับตัวผู้เป็นลูกหนี้และพฤติกรรมแห่งคดีหรือหนี้สิน คนที่ไม่รู้กฎหมาย
แม้จะเรียนจบด็อกเตอร์มาก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่า จะปรับโครงสร้างหนี้หรือประนี
ประนอมยอมความหรือไม่ บางคนฟังคำพูดหวานๆของพวกโทรมาทวงหนี้ก็มั่นใจแล้วว่า
เจ้าหนี้ไม่กล้าที่ยึดทรัพย์หรือเอาเข้าคุยแถมยังให้ผ่อนขั้นต่ำอีก จึงรีบลงชื่อและให้่ส่ง
เอกสารเพื่อหวังว่าเจ้าหนี้จะให้โอกาสจริง ลูกหนี้แบบนี้แหละที่พวกโทรมาทวงหนี้เรียกว่า
" ลูกหนี้หน้าโง่ เห็นขี้นึกว่าขนมทองหยด รีบหยิบมากิน " (ขอโทษจริงๆที่ใช้คำพูดไม่
สุภาพ) ภาษาทั่วไปเรียกพวกนี้ว่า "ไม่รู้แล้วอวดเก่ง เป็นหนี้แล้วอวดฉลาด" ในที่สุดก็ถูก
ยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนหรือติดคุก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเจ้าของกิจการ ห้างหุ้นส่วน บริษัท ที่กู้ยืมเงินธนาคารและมีบัตร
เครดิตเป็นร้อยๆ ใบ ต้องใช้คำว่า "กบในกะลา ทำตัวยิ่งใหญ่ สุดท้ายก็กลายเป็นขี้ข้า"
พวกนี้มักจะคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เป็นเจ้าของบริษัทมีลูกน้องมากมายมีญาติเป็นข้าราชการ
มีเพื่อเป็นตำรวจทหาร รู้จักผู้จัดการธนาคารให้เครดิตเิงินกู้ไม่มีวันหมด จบลืมไปว่า
กฎหมายคือกฎหมาย เป็นหนี้ต้องใช้หนี้ จึงไม่รู้ว่าวิธีการที่จะพักการชำระหนี้หรือไม่ใช้หนี้
ตามกฎหมายทำอย่างใด
แต่ทั้งนี้ก็มีใช่ว่าลูกหนี้ที่หลวมตัวถูกหลอกให้ลงชื่อปรับโครงสร้างหนี้หรือประนีประนอม
ยอมความไปแล้วจะไม่มีช่องทางแ้ไขเลย กฎหมายังเปิดช่องให้สามารถบอกเลิกสัญญา
อัปยศนั้นได้
ข้อดี สำหรับผู้รู้กฎหมายที่จะหาทางแก้ไขให้ลูกหนี้ที่ไม่รู้กฎหมาย หรือลูกหนี้ที่รู้ประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา ทำให้ลูกหนี้ได้โอกาสทางกฎหมายพักการชำระหนี้
๑ ปีถึง ๑๐ ปี โดยไม่ต้องรอให้รัฐออกกฎหมายมาพักการชำระหนี้
ข้อเสีย สำหรับลูกหนี้ที่ไม่รู้กฎหมาย หรือรู้กฎหมายแต่รู้ไม่จริง หรือรู้ไม่ทั้งหมด(แค่งูๆปลาๆ)
แต่อวดเก่งคิดว่าจบปริญญาด้านบัญชี ,สถาปัตย์,วิศวะ,แพทย์,ครู,ตำรวจ,ทหาร,ช่างต่างๆ ,โดย
เฉพาะเจ้าของกิจการหรือเจ้าของบริษัท พวกนี้มักจะไม่ได้โอกาสทางกฎหมายเพราะความ
อวดเก่งของตัวเอง
ลูกหนี้ควรรู้ว่า ถ้าไม่ปรับโครงสร้างหนี้หรือประนีประนอมยอมความลูกหนี้จะได้อะไร หรือ
หากต้องการจะปรับโครงสร้างหนี้หรือประนีประนอมยอมความจะได้อะไร อย่างไหนจะดีกว่า
ผลที่จะได้เป็นอย่างใดดังนี้ .
ข้อเสีย(ในคดีแพ่ง) การปรับโครงสร้างหนี้ขอให้กลับไปอ่านเรื่องการประนีประนอม
ยอมความ>>
ส่วนผลที่ได้ของการปรับโครงสร้างหนี้ คือทำให้มูลหนี้ต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เช่น
ดอกเบี้ย ,เบี้ยปรับ , ค่าธรรมเนียมการใช้เงิน , ค่าติดตาม และอื่นๆ ที่ลูกหนี้ไม่เคยรู้
มาก่อนในสัญญาหนี้หรือในข้อตกลงที่เจ้าหนี้(ธนาคารหรือบัตรเครดิต)ไม่เคยแจ้งให้ลูกหนี้
รู้มาก่อน ซึ่อจะเป็นการให้ลูกหนี้ฟ้องสัญญาไม่เป็นธรรมหรือสู้เจ้าหนี้ในศาล หรือเจ้าหนี้ขาด
หลักฐานที่จะฟ้องลูกหนี้ เมื่อลูกหนี้ไปทำการลงชื่อในเอกสารปรับโครงสร้างหนี้หรือส่งเอก
สารไปเพิ่มเข้าหลักมาตรา ๘๕๐,๘๕๑ ก็จะเข้าข้อกฎหมายมาตรา ๘๕๒ ทันที่ " ผลของ
สัญญา ประนีประนอมยอมความนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ ยอมสละนั้น
ระงับสิ้นไป " ทำให้สิทธิที่จะต่อสู้และ
เรียกร้องต่างๆ ที่มีอยู่เดินหมดไปทันที และ
ทำให้เจ้าหนี้ได้สิทธิใหม่ตามกฎหมายตามวรรคท้ายของมาตรา ๘๕๒ ทันที่เช่นกัน "และทำ ให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญา นั้นว่าเป็นของตน" โดยถือเอาสัญญาปรับโครง
สร้างหนี้
ใหม่ที่สมบูรณ์มาฟ้องลูกหนี้ในศาล โดยลูกหนี้ไม่อาจจะสืบพยานเพื่อหักล้างพยาน
เอกสารได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๔ " ขอสืบพยานบุคคลประ
กอบข้ออ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อได้นำ เอกสาร มาแสดงแล้ว" เรียกกันทั่วไปว่าจะสืบ
พยานบุคคลว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้ (ศาลไม่รับฟังพยาน
บุคคล เพื่อลบล้างพยานเอกสาร)
ดังนั้นในเอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เขียนเอาไว้อย่างใด(ตัวเล็กๆ) ศาลต้องรับไว้
เป็นพยานหลักฐานในคดี ตัวลูกหนี้จะไปเถียงว่า สัญญานั้นไม่เป็นธรรมหรือไม่สมบูรณ์
หรือถูกหลอกให้ลงชื่อหรือเป็นสัญญาปลอมในคดีนั้นไม่ได้ (นอกจากต้องไปฟ้องคดีอาญา
ใหม่)
ท่านรองสังเกตดูพฤติกรรมเจ้าหนี้หรือพวกโทรมาทวงหนี้ เมื่อท่านปฏิเสธว่าไม่มี
เงินชำระหนี้ โดยขอผ่อนผันไปอีก พวกนี้ก็จะเสนอส่วนลดหนี้ให้ลูกหนี้โดยให้ปรับโครง
สร้างหนี้เพื่อให้ลูกหนี้ได้ผ่อนหนี้น้อยลงและพักดอกเบี้ยเอาไว้ก่อนเช่น ลูกหนี้เป็นหนี้
บัตรเรดิต ๕๐,๐๐๐ บาท ผ่อนชำระเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เสนอให้ลูกหนี้ผ่อนเดือนละ
๒,๐๐๐ บาท โดยพักดอกเบี้ยของต้นเงิน๕๐,๐๐๐ บาท จนกว่าลูกหนี้จะผ่อนเงิน๕๐,๐๐๐
บาทหมด ลูกหนี้หลายท่านทราบซึ่งในความมีเมตราของคนโทรมาทวงหนี้ที่ให้โอกาสลูก
หนี้ เมื่อลูกหนี้ผ่อนต้นเงินหมดแล้วก็คิดว่าไม่ต้องชำระหนี้อีกแล้ว แต่พอติดต่อเจ้าหนี้
หลังจากผ่อนหมดแล้วจึงรู้ว่าถูกหลอก เพราะต้องมีเงินค่าดอกเบี้ย ค่าค้างชำระ เบี้ยปรับ
ค่าติดตาม และอื่นๆ อีก ๒๐,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาทหรือมากกว่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะ
ลูกหนี้หลวมตัวเชื่อคำหวามๆ คิดว่า "การพักดอกเบี้ย คือการไม่คิดดอกเบี้ยอีก" แต่หา
รู้ไหมว่า ทำให้ตัวเองเสียรู้ในทางกฎหมายแล้ว
ข้อดี ในคดีแพ่งและอาญา และช่อทางแก้ไขสัญญาที่ได้ลงชื่อไปแล้ว การปรับหรือ
ไม่ปรับ โครงสร้างหนี้หรือประนีประนอมยอมความ ที่ทำให้ลูกหนี้ไม่ต้องใช้หนี้หรือ
ไม่ต้องติดคุก หรือพักการชำระหนี้ ๑-๑๐ ปี ขอสงวนสิทธิ์ไว้ให้ สมาชิกVIP , ลูกความ
และผู้มีอุปการะคุณในส่วนของMamber Vip เพราะท่านให้การ สนับสนุนเว็บ
thailawyer.net ด้วยดีตลอดมาเพื่อให้ thailawyer.net อยู่ช่วยชาวบ้าน ตลอดไป
สมาชิกทั่วไปท่านใดต้องการจะดูรายละเอียดข้อดีปรับโครงสร้างหนี้หรือประนีประ
นอมยอมความ รวมคดีที่มีคำพิพากษาฎีกาแล้ว ต้องรบกวนสมัคร สมาชิก VIP >>>>
(ต้องถูกใจลูกหนี้ และเจ้าของกิจการที่ชอบใช้เช็ค และพวกชอบเด็กๆไม่ติดคุกแน่นอน)
...... ข้อมูลที่ขอรับไป เป็นเพียงแนวทางคำพิพากษาฎีกา และหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้ที่ขอรับไปต้องนำไปปรับใช้กับเหตุกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้ขอรับเอง .. ซึ่งสามารถนำไป
เป็นแนวทาง ปรึกษานักฏฎหมาย ทนายความ
ผู้รู้กฎหมาย .. เพื่อใช้ให้เกิดปรโยชน์
สูงสุดต่อไป
การปรับโครงสร้างหนี้และประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งและคดีอาญา ถ้าตัว
ลูกหนี้ไม่รู้กฎหมายจริงๆ ควรให้ทนายหรือนักกฎหมายที่ชำนาญจริงทำแทนจะดีกว่า
มิฉะนั้นจะเข้าหลัก "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของกิจการ
และลูกหนี้ที่จบปริญญาด้านอื่นไม่ใช่ด้านกฎหมาย แต่อวดทำเก่งรู้กฎหมายเพียงแค่อ่าน
นิดๆหน่อยๆ ทำไปเจรจาก็บเจ้าหนี้หรือทนายเจ้าหนี้ ในที่สุดก็เหมือนกับ "ยิ่งแก้ยิ่งมัดแน่ขึ้น"
ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวหรือล้มละลาย