เมื่อทนายได้รับ อำนาจให้ว่าความได้แล้ว ทนายความผู้นั้น ก็จะส่งหนังสือให้แจ้งมายังลูกหนี้
ให้รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้กับเจ้าหนี้เท่านั้นเท่านี้ และให้ลูกหนี้ชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดถ้าพ้นกำ
หนดแล้วถ้าไม่ชำระก็ถือว่าเป็นการ บอกเลิกสัญญา ( เงินกู้ ,บัตรเครดิต , เช่าซื้อ ฯลฯ ) และเมื่อ
ถึงกำหนดตามหนังสือนั้นแล้ว ลูกหนี้ไม่ชำระก็ถือว่าลูกหนี้ปฏิเสธการชำระหนี้แล้วเจ้าหนี้หรือทนาย
ของเจ้าหนี้ต้องฟ้องลูกนี้ภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเรื่องอายุความ นับแต่วันที่ลูกหนี้
ปฏิเสธการชำระหนี้ ถ้าไม่ฟ้องภายในกำหนดอายุความก็ถือว่าเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ ที่จะฟ้องเรียก
เงินตามมูลหนี้จากลูกหนี้ได้อีก เรียกง่ายๆว่า ( ลูกหนี้ เป็นไทไม่ต้องใช้หนี้เลย )
ในการแต่งตั้ง ทนายความหรือบุคคลอื่นให้มีอำนาจทวงหนี้ ก่อนฟ้องคดีนั้น ตัวเจ้าหนี้ต้องทำ
หนังสือมอบอำนาจ หรือแต่งตั้ง ทนายความเป็นลายลักษณ์อักษร ลงวันที่มอบอำนาจให้ถูกต้องถึง
จะมีผลให้ผู้รับมอบอำนาจ มีอำนาจที่จะทำการใดๆ แทนตัวเจ้าหนี้ได้
เพียงเท่านี้สมาชิกและลูกหนี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าหนี้ต้องทำตามแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรเลย สมาชิกและลูกหนี้ที่คิดว่าไม่เป็นเรื่องแปลก ขอให้คิดใหม่ได้
แล้ว เพราะว่าความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือน " เส้นผมบังภูเขา " ทำให้เจ้าหนี้เอาเปรียบลูกหนี้ได้
และลูกหนี้ก็ไม่รู้จะต่อสู้อย่างไร ผมเป็นนักกฎหมายจึงต้องมองให้ลึกซึ้งถึงตัวกฎหมายเจตนารมณ์
ที่แท้ของกฎหมาย ความถูกต้องที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งต่อไปนี้เรา จะเอา " เส้นผม " บังตาสมาชิก หรือลูกหนี้ออกให้ดูจะได้เห็นว่าข้อเท็จจริงที่สมาชิก
หรือ ลูกหนี้ไม่รู้มาก่อนว่ามีจริง และทำได้ตามกฎหมาย ซึ่งถ้าไม่รู้จริงในเรื่องที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้
ก็เท่ากับว่าสมาชิกหรือลูกหนี้อาจถูกเจ้าหนี้ หรือทนาย หรือผู้ที่อ้างมาทวงหนี้ของเจ้าหนี้หลอกเอาได้
และถ้าสมาชิกหรือลูกหนี้สงสัยว่าถูกหลอกหรือถูกหลอกแล้ว และไม่ดำเนินการใดๆ นิ่งเฉยเสีย
ตามกฎหมายถือว่าลูกหนี้ยอมรับแล้ว โดยปริยาย จะยกขึ้นอ้างในชั้นศาลไม่ได้ ( นี้ละครับที่ทนาย
เจ้าหนี้ใช้เทคนิคของกฎหมายเอาชนะลูกหนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ฟ้องคดีเลย )
ขอให้สมาชิกหรือลูกหนี้กลับไปดูในข้อที่ ๑ ที่กล่าวถึงเรื่องถูกทนายเจ้าหนี้ ตัวแทนเจ้าหนี้ยื่น
หนังสือทวงหนี้ หรือโทรมาขู่ที่ทำงาน หรือส่งไปรษณียบัตร มาทวงหนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูแล้วท่าน
ควรจะสงสัยว่า ทนายความที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้นั้นมีอำนาจทวงหนี้จริงหรือไม่ เพราะในหนังสือ
ที่ส่งมานั้น ระบุแต่เพียงว่าผู้รับมอบอำนาจหรือในฐานะผู้รับมอบอำนาจ แต่ไม่ได้ส่งสำเนามาแสดง
ให้ดีเลยว่า ได้ทำการมอบอำนาจในวันที่เท่าใด ใครเป็นผู้มอบ ใครเป็นผู้รับมอบ และ หนังสือ
มอบ อำนาจนั้นระบุว่าให้ผู้รับมอบอำนาจมีขอบเขตจัดการแทนในเรื่องใดบ้าง
ในเมื่อมีแต่หนังสือทวงหนี้ดังกล่าวแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ เลย สมาชิก
หรือลูกหนี้ยังเชื่ออยู่หรือว่า มีการมอบอำนาจกันโดยถูกต้อง ตามกฎหมายแล้ว ทั้งๆที่ตัวเจ้าหนี้เอง
ก็ยังไม่เคยมีจดหมายมาแจ้งแก่ตัวลูกหนี้เลยว่าได้แต่งตั้งให้ใครเป็นทนายความ หรือให้เป็นผู้ใด
มีอำนาจทวงหนี้หรือฟ้องคดี หรือมีอำนาจจัดการในเรื่องใดๆ บ้างเลย
เรื่องนี้เป็นข้อสำคัญทางกฎหมายที่สมาชิกและลูกหนี้ควรรู้ ถ้าไม่รู้ก็จะถูกพวกนี้อ้างว่าเป็นตัวแทน
เจ้าหนี้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจช่วงจากเจ้าหนี้ หรือบริษัท บัตรเครดิตแล้วมาทำการข่มขู่ต่างๆนาๆ
ผมเอาเส้นผมที่บังตาของสมาชิกและลูกหนี้ออกแล้ว ก็พอที่จะมองเห็นภูเขาได้หรือยัง
เมื่อสมาชิกที่สงสัยว่าผู้ที่ส่งหนังสือมาทวงหนี้นั้นจะมีอำนาจจริงหรือไม่ ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องทำให้
เป็นพยานหลักฐานตามกฎหมาย ที่จะต้องจับผิดพวก ทนายความ หรือพวกที่ทวงหนี้ที่อ้างว่าเป็นตัว
แทน รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ ซึ่งมีวิธีอยู่หลายวิธีแต่ละวิธีจะขั้นตอนแตกต่าง กันออกไป
วิธีที่ ๑ ส่งหนังสือตอบกลับไปยังผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจบริษัทบัตรเครดิตหรือเจ้าหนี้เพื่อให้ส่ง
เอกสารยืนยันว่าได้รับมอบอำนาจให้ ทวงหนี้จริง และส่งหนังสืออีกฉบับหนึ่งไปยังบริษัท หรือเจ้าหนี้
ให้ยืนยันว่าได้มอบอำนาจให้ใครเป็นตัวแทนทวงหนี้และฟ้องคดีบ้าง
วิธีที่ ๒ เป็นขั้นตอนที่สูงขึ้นไปอีกกว่าวิธีแรก เพื่อที่จะจับผิดเจ้าหนี้หรือทนายความที่อ้างว่าได้รับ
มอบอำนาจตามหนังสือทวงหนี้นั้น ซึ่งวิธีนี้อาจทำให้ ลูกหนี้เองได้เปรียบในทางกฎหมายและใน
เชิงคดี
วิธีที่ ๓ ก็เป็นขั้นตอนที่สูงขึ้นไปอีกกว่าสองวิธีแรก ซึ่งถึงขั้นสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่อ้างว่าเป็นทนาย
ความเป็นผู้รับมอบอำนาจส่งหนังสือมา ทวงหนี้ หรือผู้ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนเจ้าหนี้หรืทนายความของ
เจ้าหนี้ มาทำการข่มขู่ต่างๆ นาๆ ให้ได้รับความอับอายและตัวลูกหนี้เอง สามารถเรียกร้องค่าเสียหาย
เป็นเงินจากบุคคลเหล่าหนี้ได้ หรือดำเนินคดีอาญาให้ศาลจำคุกพวกนี้ได้เช่นกันหรือถ้าหากเป็น
กรณี ที่เจ้าหนี้รู้เห็นเป็นใจในการที่ตัวแทน หรือทนายความ ทำเกินอำนาจ โดยชัดแจ้งหรือโดยปริ
ยายด้วย ลูกหนี้ก็เรียกร้องให้เจ้าหนี้ชดใช้ค่าเสียหาย ได้อีกเช่นกัน ( บางครั้งอาจถึงขนาด ที่เจ้าหนี้
ต้องยอมความกับลูกหนี้ หรือยกหนี้ให้ ทั้งหมดหรือบ้างส่วนฟรีๆ ) ... ในที่นี้จะกล่าว เฉพาะแต่วิธีแรก
เท่านั้นส่วนวิธีที่ ๒ , ๓ ขอสงวนไว้สำหรับ สมาชิก VIP ที่ขอรับข้อมูล
นี้เป็นเพียงข้อกฎหมายส่วนหนึ่งที่ยกขึ้นมาให้ท่านสมาชิกและลูกหนี้ได้เห็นข้อเท็จจริง
ที่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ป้องกันตัวเองได้ที่บอกมาเท่านี้ ท่านก็ดำเนินการกับผู้ที่ส่ง
หนังสือมาทวงหนี้ และโทรมาข่มขู่ให้ใช้หนี้ได้แล้ว ... ยังมีข้อกฎหมาย และเทคนิคกฎหมายอื่นๆ
อีกมาก ต้องไปดูในวิธีที่ ๒ หรือวิธีที่ ๓ ถึงจะมีรายละเอียดมากกว่านี้( ของฟรีก็มีเท่านี้ครับ )
วิธีที่ ๒ , ๓ จะมีรายละเอียดเกี่ยกับ มาตรากฎหมาย คำพิพากษาฎีกา ที่สามารถเทียบเคียง
กับข้อเท็จจริงได้ วิธีที่จะดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง พร้อมทั้งชั้นเชิงต่างๆ ที่จะต่อรองกับพวกนี้
เพราะเมื่อไม่มีอำนาจทวงหนี้ ก็เท่ากับว่า ท่านสมาชิกเป็นต่อในเชิงกฎหมายแล้ว คราวนี้ท่าน
สามารถขู่กลับไปได้บ้าง Webmaster ขอสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับสมาชิก VIP และสมาชิกที่จะขอรับ
ข้อมูลพิเศษนี้เท่านั้น